โรคติดต่อร้ายแรงในแพะที่ติดต่อถึงคน

โรคบรูเซลโลซิสในแพะ (Brucella melitensis)

ความสำคัญ| อาการ | พยาธิกำเนิดและการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน|
วิธีติดเชื้อ | ความไวต่อโรค
| การวินิจฉัยโรค | วัคซีน

ความสำคัญ

โรคบรูเซลโลซิสเป็นโรคที่ติดต่อจากสัตว์ถึงคนได้ โดยมากแล้วเป็นกับผู้ที่มีอาชีพสัมผัสกับโรค ได้แก่ สัตวแพทย์ เกษตรกร คนงานโรงฆ่าสัตว์ ซึ่งจะติดโรคโดยการสัมผัสตรงหรือทางอ้อมผ่านทางผิวหนัง เยื่อเมือก การกินผลผลิตจากสัตว์ที่ปนเปื้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำนมดิบ B. melitensis ทำให้เกิดโรคที่รุนแรงและเรื้อรัง โรคนี้มีระยะฟักตัวในคน 8-20 วัน

อาการ

ในคน มีแบบเฉียบพลัน ทำให้อ่อนแรง ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อและปวดข้อ เหงื่อไหลท่วมในเวลากลางคืน แต่โรคจะมีการปรากฏอาการเฉพาะที่ ได้แก่ ข้ออักเสบที่สะโพก หัวเข่า ไหล่ อัณฑะอักเสบ โรคนี้จะเรื้อรังได้นานกว่า 6 เดือน

ในแพะแกะ 1) แบบเฉียบพลัน ได้แก่ อาการแท้ง ให้ลูกที่อ่อนแอ การแท้งเกิดในช่วงตั้งท้อง 2 เดือนสุดท้าย บางตัวมีรกค้าง ในตัวผู้มีการลงโรคที่อัณฑะ ท่อเก็บน้ำเชื้ออ ต่อมอวัยวะสืบพันธุ์ ทำให้เกิดอาการอักเสบและไม่สมบูรณ์พันธุ์ พบอาการข้ออักเสบได้ทั้งในเพศผู้และเมีย และ 2) แบบเรื้อรัง สัตว์จะแท้งเพียงครั้งเดียว แต่เชื้อจะกลับเข้าในมดลูกและขับเชื้อออกมากับเนื้อเยื่อและของเหลวช่องคลอด สัตว์ไม่ตั้งท้องซึ่งรับเชื้อจำนวนน้อยมีการติดเชื้อที่จำกัด มีภูมิคุ้มกันโรค หรือเป็นพวกติดเชื้อแฝง เมื่อติดเชื้อแล้วแพะจะมีเชื้ออยู่ในตัวตลอดไป พบเชื้อที่เต้านมและต่อมน้ำเหลืองเต้านม มีการขับเชื้อออกมาในน้ำนมอย่างถาวร หรือเป็นครั้งคราว แต่ในแกะโรคจะจำกัด น้อยตัวที่จะขับเชื้อยาวนาน ส่วนอาการอัณฑะอักเสบจะเป็นแบบเรื้อรัง

1. ระยะแรก จะพบอาการแท้ง เว้นแต่เป็นการติดเชื้อในระยะปลายของการตั้งท้อง แต่การลงโรคในอวัยวะเฉพาะก็อาจพบได้ใน อัณฑะ, ข้อขา, มดลูก,เต้านม บางตัวอาจพบการติดเชื้อที่จำกัด ไม่แสดงอาการ แต่จะเป็นตัวแฝงโรคที่ขับเชื้อได้มาก
2. ระยะที่สอง จะพบการขับเชื้อออกจากร่างกาย แต่ที่มักพบคือการติดเชื้อที่ยืนนานในเต้านม ต่อมน้ำเหลืองเต้านม และอวัยวะสืบพันธุ์ และการขับเชื้ออย่างถาวรหรือเป็นครั้งคราวในน้ำนมหรืออวัยวะสืบพันธุ์
สัตว์ จะแท้งเพียงครั้งเดียวกลางการตั้งท้องช่วงที่สาม แตในการตั้งท้องครั้งต่อมา เชื้อจะกลับเข้ามดลูกซ้ำอีกพร้อมทั้งสามารถขับเชื้อออกได้ทางของเหลวและ เนื้อเยื่อ การตั้งท้องจะครบระยะ อัตราเป็นโรคในฝูงอาจสูงถึง 40% ตัว เมียที่เกิดในสภาพแวดล้อมที่ปนเปื้อนและเกิดติดเชื้อในภายหลังจะแท้งน้อยลง ดังนั้นจึงพบว่าในฝูงที่ติดเชื้อใหม่จะมีอัตราการแท้งสูง ในขณะที่หากเป็นพื้นที่มีโรคสะสมจะพบอัตราแท้งที่ต่ำลง เต้านมเป็นอวัยวะเป้าหมายที่สำคัญการติดเชื้อในแพะท้องว่างที่ให้นมจะทำให้เชื้อจับกลุ่มในเต้านมและขับเชื้อออกมาในน้ำนมม แต่แทบจะสังเกตไม่พบอาการเต้านมอักเสบ

เชื้อจะถูกขับออกจากร่างกายทางอวัยวะสืบพันธุ์เพศเมีย จาก รก, น้ำคร่ำ ของเหลวจากช่องคลอดในช่วงแท้งลูก และช่วงคลอดปกติ ในแพะการขับเชื้อจะยาวนาน 2-3 เดือน ในแกะจะขับเชื้อประมาณ 3 สัปดาห์จากช่วงแท้งลูก และช่วงคลอดปกติ การขับเชื้อยังพบได้จากน้ำนมมและน้ำเชื้อ การเพาะแยกเชื้อพบได้ที่ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณหัว อวัยวะสืบพันธุ์ และวิการที่ข้อขา

ภาพ เชื้อ brucella (ที่มา http://www.unav.es/unzyec/brucella-975.jpg) และอาการแท้งลูกในแพะ

ภาพ เนื้อเยื่อช่องคลอดที่ปนเปื้อน และ การเก็บตัวอย่างอัณฑะแพะตัวผู้

ภาพ แพะมีอาการข้อเข่าอักเสบและบวม

พยาธิกำเนิดและการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน

Brucella เป็นเชื้อที่อยู่ในเซลของระบบน้ำเหลือง ความรุนแรงของเชื้อแตกต่างกันขึ้นกับชนิดของเชื้อ ตำแหน่งที่รับเชื้อ ความไวของ host และระยะสืบพันธุ์ ดังนั้นในอุบัติการโรคจริงจะพบอาการได้ตั้งแต่แบบเฉียบพลันไปจนถึงทนโรคได้

เชื้อเข้าสู่ร่างกายทางเยื่อเมือกช่องปาก, ทางเดินหายใจ และเยื่อบุตา ช่องทางอื่นได้แก่ เยื่อบุของระบบสืบพันธุ์ แล้วจะผ่านข้าไปที่ต่อมน้ำเหลืองใกล้ที่สุด ถ้าเชื้อเอาชนะกลไกการป้องกันของเซลน้ำเหลือง จะเแอนติบอดี และเชื้อจะกระจายในเลือด ซึ่งจะตรวจพบภายใน 10-20 วัน นานไปถึง 1-2 เดือน ถ้าสัตว์ตั้งท้องเชื้อจะเข้าสู่มดลูก และจะพบเชื้อในต่อมน้ำเหลือง เต้านม ม้าม

วิธีติดเชื้อ

เป็นได้ทั้งแบบโดยตรง และทางอ้อม สัตว์ติดเชื้อโดยตรงจากละอองเชื้อ หรือกินสิ่งปนเปื้อนเชื้อ การติดเชื้อโดยทางอ้อมได้แก่ การที่สัตว์ปล่อยแทะเล็มในแปลงที่ปนเปื้อนเชื้อ ในสัตว์เพศผู้ การที่เชื้อลงอวัยวะสืบพันธุ์ทำให้สามารถพบเชื้อในน้ำเชื้อ แต่พบว่าการผสมพันธุ์ตามธรรมชาติมีความเสี่ยงต่ำที่จะเกิดการถ่ายเชื้อไปยังตัวเมีย การติดเชื้อในเต้านมจะทำให้พบเชื้อในน้ำนมอย่างถาวรหรือเป็นครั้งงคราวได้ จำนวนเชื้อในน้ำนมค่อนข้างน้อยแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อไปสู่ลูกสัตว์ และทำให้เกิดการติดเชื้อทางอ้อมโดยปนเปื้อนกับมือผู้รีดน้ำนม

การติดเชื้อสู่ลูก การติดเชื้อตั้งแต่ในท้องแม่เกิดขึ้นค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่การติดเชื้อสู่ลูกเกิดจากการกินน้ำนมแม่ ทำให้ต่อมน้ำเหลืองของระบบย่อยอาหารลูกแพะแกะเกิดติดเชื้อแล้วจะทำให้ขับเชื้อออกทางอุจจาระได้ แต่ลูกแพะแกะอาจมีกลไกทำให้โรคหายได้เองเช่นเดียวกับโคกระบือ และจะทำให้ลูกแพะแกะไวต่อโรคอีกครั้งหนึ่งเมื่อถึงระยะสมบูรณ์พันธุ์

การอยู่รอดในสภาพแวดล้อม ความสามารถในการอยู่รอดของเชื้อนอกตัวสัตว์ค่อนข้างดี สภาพที่เอื้ออำนวยในการอยู่รอดได้แก่ ความชื้นสูง, อุณหภูมิต่ำ และไม่มีแสงแดดส่องโดยตรง เชื้อจะมีฤทธิ์อยู่ได้นานหลายเดือนในน้ำ, ลูกที่แท้ง, เนื้อเยื่อลูก, อุจจาระ และของเสีย, หญ้าแห้ง, โรงเรือน, เครื่องมือ และเสื้อผ้า เชื้อยังทนต่อสภาพแห้งหากมีอินทรียสารและจะมีชีวิตอยู่ได้ในฝุ่นและดิน การฆ่าเชื้อด้วยสารเคมีจะช่วยทำลายเชื้อที่ปนเปื้อนพื้นที่ได้ โดย ใช้ยาฆ่าเชื้อ sodium hypochlorite 2.5%, โซดาไฟ (caustic soda) 2-3%, น้ำปูนขาว เตรียมใหม่ 20%, สารละลายฟอร์มาลิน 2% ในผลิตภัณฑ์นมที่มีความเข้มข้นต่ำ เชื้อจะไวต่อความร้อน เช่น ในน้ำนมที่ทำการพาสเจอไรส์ หรือในน้ำนมที่ต้มนาน 10 นาที
ในซากที่แช่แข็งเชื้อจะอยู่ได้นานหลายปี แต่จำนวนเชื้อที่มีอยู่ในชั้นกล้ามเนื้อมีจำนวนน้อยและถูกทำลายเมื่อความเป็นกรดด่างในเนื้อลดลง ในโรงฆ่าสามารถลดการปนเปื้อนได้โดยการปฏิบัติที่เหมาะสม ทิ้งเต้านม, อวัยวะสืบพันธุ์, ต่อมน้ำเหลือง ยาฆ่าเชื้อทั่วไปสามารถฆ่าเชื้อเชื้อที่แขวนลอยในน้ำได้ (phenol 10 g/l, formaldehyde,xylene 1 ml/l) ยกเว้นแต่เมื่อมีการสะสมของอินทรียสารหรือมีอุณหภูมิต่ำจะทำให้ประสิทธิภาพลดลงมาก ดังนั้นถ้าเป็นไปได้การฆ่าเชื้อบนพื้นผิวควรจะใช้ความร้อน ยาฆ่าเชื้อที่ไม่เหมาะสมได้แก่ quaternary ammonium compound

ตารางที่ 1 ความทนทานของ Brucella ของ ที่มา : Scientific Comittee EU., 2001

แหล่ง

อุณหภูมิ/สภาพแวดล้อม

ระยะเวลามีชีวิต

แสงแดด

<31°C

4.5 ชั่วโมง

น้ำ

-4°C

4 เดือน

น้ำห้องปฏิบัติการ

20°C

2.5 เดือน

แหล่งน้ำ, ทะเลสาบ

37°C pH 7.2

<1 วัน

แหล่งน้ำ, ทะเลสาบ

8°C pH 6.5

>2 เดือน

ดิน

ในห้องที่แห้ง

<4 วัน

ดิน

แห้ง 18°C

69-72 วัน

ดิน

เปียก

>7 วัน

ดิน

ภูมิอากาศชื้น

>2 เดือน

ดิน

ความชื้น 90%

48-73 วัน

น้ำปัสสาวะ

37°C pH 8.5

16 ชม.

น้ำนมดิบ

25-37°C

24 ชม.

น้ำนมดิบ

8°C

48 ชม.

น้ำนมดิบ

-40°C

2.5 ปี

มูลสัตว์

ฤดูร้อน

1 วัน

มูลสัตว์

25°C

1 เดือน

มูลสัตว์

ฤดูหนาว

2 เดือน

มูลสัตว์

8°C

1 ปี

มูลสัตว์

-3°C

3 เดือน

มูลสัตว์, เหลว

ฤดูร้อน

3 เดือน

มูลสัตว์, เหลว

ฤดูหนาว

6 เดือน

มูลสัตว์, เหลว

แทงค์

1.5 เดือน

น้ำทิ้ง

แทงค์ 12°C

7 สัปดาห์

น้ำทิ้ง

แทงค์ 12°C

>8 เดือน

หญ้าแห้ง

 

หลายวันจนถึงเดือน

ฝุ่นท้องถนน

 

3-44 นาที

พื้นไม้แห้ง

 

4 เดือน

แปลงหญ้า

แดด

<5 วัน

พื้นไม้แห้ง

ร่มเงา

>6 วัน

 

ความไวต่อโรค

อายุ B. melitensis ทำให้เกิดโรคในสัตว์โตเต็มวัย สัตว์อายุน้อยอาจติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ หรืออาจอ่อนแอบ้างและมีการตอบสนองของภูมิคุ้มกันเพียงเล็กน้อย ความไวต่อโรคจะเพิ่มขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตั้งท้อง

ชนิดและพันธุ์ แพะเป็น host หลักของ B. melitensis แม้แกะจะสัมผัสใกล้ชิดกับแหล่งโรคแต่อัตราป่วยจะไม่สูงเท่า การขับเชื้อจากช่องคลอดแพะอาจนานถึง 2-3 เดือน

ปัจจัยสนับสนุน การเลี้ยงและสภาพแวดล้อมมีผลต่อการกระจายโรค การเลี้ยงในโรงเรือนที่มืดจะทำให้เชื้อกระจายเพิ่มจำนวนได้ดีกว่า พื้นที่เปิดโล่งและสภาพแวดล้อมแห้ง การกระจายข้ามฝูงเกิดจากการเคลื่อนย้ายสัตว์ นำสัตว์ติดเชื้อเข้าฝูง การเลี้ยงไล่ต้อนในแหล่งเลี้ยงร่วมกันจะเอื้ออำนวยให้เกิดการติดเชื้อสู่กัน

การวินิจฉัยโรค

1. ตรวจจับเชื้อโดยตรง ได้แก่การเพาะแยกเชื้อ
2. การตรวจทางซีรั่มวิทยา ใช้ rose bengal test ในการทดสอบโรคในแพะแกะจะต้องเพิ่มปริมาณซีรั่มจาก 25µ l เป็น 75µ l

วัคซีน

วัคซีนป้องกันโรคนี้ได้แก่ วัคซีน Brucella melitensis Rev.1 strain ยังไม่มีการนำเข้ามาใช้ในประเทศไทย

เอกสารอ้างอิง

EU. 2001. Brucellosis in Sheep and Goats (Brucella melitensis). Scientific Committee on Animal Health and Animal Welfare, European Commission. 12 July 2001. access via http://ec.europa.eu/food/fs/sc/scah/out59_en.pdf.

 

-----------------------------------------------------------------

เจ้าของ: สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดปัตตานี ซ.5 ถ.เจริญประดิษฐ์ อ.เมือง จ.ปัตตานี 94000 โทร.073-335996

email no.: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. .

ผู้เขียน/ผู้จัดทำ : นายสัตวแพทย์บรรจง จงรักษ์วัฒนา

© สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ.2556 ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537

ลิขสิทธิ์สงวนเฉพาะการทำซ้ำเพื่อการแสวงหาผลกำไร โปรดอ้างอิงผู้เขียน/ผู้จัดทำหากมีการนำไปเผยแพร่ต่อ.